รัฐบาลเผยเหตุปะทะชายแดน คนไทยเสียชีวิต 12 ราย ด้านกัมพูชาขอยูเอ็นเรียกประชุมคณะมนตรีความมั่นคงด่วน

ปั๊มน้ำมันที่บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบจากอาวุธของฝั่งกัมพูชา

ที่มาของภาพ,HANDOUT/กองทัพบก

คำบรรยายภาพ,ปั๊มน้ำมันที่บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบจากอาวุธของฝั่งกัมพูชา

กองทัพบกยังไม่สามารถประเมินได้ว่าปฏิบัติการที่ชายแดนไทย-กัมพูชาต้องใช้เวลากี่วัน หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างทหาร 2 ฝ่ายในช่วงเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) โดยอ้างว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนที่ปราสาทตาเมือนธม ก่อนที่เหตุปะทะจะลุกลามไปหลายจุดตามแนวชายแดน รวม 4 จังหวัด และกองทัพไทยได้ “ใช้กำลังทางอากาศ โจมตีเป้าภาคพื้นดินหมายตามแผน”

ข้อมูลของทางการไทยเกี่ยวกับผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ยังไม่ตรงกัน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในช่วงเย็นวา มีผู้เสียชีวิต 11 ราย เป็นพลเรือน 10 ราย และทหาร 1 นาย และมีผู้บาดเจ็บ 28 ราย เป็นพลเรือน 24 ราย เป็นทหาร 4 นาย

ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แถลงว่า มีคนไทยเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ชายแดนรวม 12 ราย แบ่งเป็น ประชาชน 11 ราย และทหาร 1 นาย บาดเจ็บอย่างน้อย 30 ราย

รมว.สาธารณสุข เปิดเผยด้วยว่า กระทรวงได้สั่งให้โรงพยาบาลชายแดน 5 แห่งใน จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ อพยพผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์โดยด่วน

เหตุปะทะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ก่อนขยายวงไปอีกหลายจุด

นอกเหนือจากการปะทะของทหารทั้ง 2 ฝ่าย ความรุนแรงยังขยายวงมาในพื้นที่พลเรือนของฝั่งไทย โดยเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดอีสานตอนล่างติดชายแดนกัมพูชาอย่างน้อย 4 จังหวัดใน 5 อำเภอ ได้แก่ จ.ศรีสะเกษ (อ.กันทรลักษ์), จ.สุรินทร์ (อ.กาบเชิง, อ.พนมดงรัก), จ.บุรีรัมย์ (อ.บ้านกรวด) และ จ.อุบลราชธานี (อ.น้ำยืน) ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

พื้นที่ของพลเรือนในฝั่งไทยที่ถูกอาวุธโจมตี ได้แก่ บ้านเรือนประชาชน สถานีบริการน้ำมัน รวมไปถึงโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์

คลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยกองทัพภาคที่ 2 แสดงถึงความเสียหายร้านสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งจุดนี้เหตุโจมตีส่งผลให้มีประชาชนชาวไทยเสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บ 10 ราย

ขณะที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียหลายรายใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โพสต์ภาพและวิดีโอความเสียหายของบ้านเรือนที่ถูกจรวดตกใส่เสียหายทั้งหลัง

ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกองทัพภาคที่ 2 และกำลังสนับสนุนจากกองทัพอากาศ ยังคงยึดหลักปฏิบัติการตอบโต้ในลักษณะจำกัดวง ซึ่งเป็นการปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก เคร่งครัดในกฎกติกา ตามหลักสากล เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนทั้งสองประเทศ แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเลือกเดินในทางตรงกันข้ามใช้อาวุธโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือนอย่างไร้ความปราณี

โฆษก ทบ. ระบุว่าการกระทำของกัมพูชายังถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจนจากการใช้อาวุธหนักโจมตีต่อเป้าหมายพลเรือน และสถานที่ทางประวัติศาสตร์

“การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้ โดยเฉพาะการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชนที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร”

โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง ระบุเมื่อ 12.05 น. ของวันนี้ (24 ก.ค.) ฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธหนักทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนฝ่ายไทย

ที่มาของภาพ,HANDOUT/กองทัพภาคที่ 2

คำบรรยายภาพ,โฆษก ศบ.ทก. ด้านความมั่นคง ระบุเมื่อ 12.05 น. ของวันนี้ (24 ก.ค.) ฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธหนักทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนฝ่ายไทย ในภาพนี้คือสภาพของชุมชนบริเวณศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลังถูกฝ่ายกัมพูชายิงใส่

เกิดอะไรขึ้นบริเวณปราสาทตาเมือนธม จุดปะทะจุดแรก

เอกสารข่าวจากกองทัพบก (ทบ.) ที่แจกจ่ายให้สื่อมวลชนเช้านี้ ระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน

กองทัพบกระบุ ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้งอาร์พีจี เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ แต่ได้เกิดการเปิดฉากยิงของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาบริเวณตรงข้ามกับฐานฝั่งไทย

“เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร” เอกสารข่าวจาก ทบ. ระบุ

บริเวณที่ทหารฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงคือบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออก ห่างจากปราสาทตาเมือนธมประมาณ 200 เมตร ซึ่งฝ่ายทหารไทยได้ยิงตอบโต้

อย่างไรก็ตามจุดปะทะแรกที่ปราสาทตาเมือนธม ปรากฏการให้ข้อมูลการเปิดการโจมตีที่ขัดแย้งกันของฝ่ายไทยและกัมพูชา

พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาเกี่ยวกับเหตุปะทะบริเวณแนวชายแดนในพื้นที่ จ.อุดรมีชัย (Oddar Meanchey) ของกัมพูชา โดยยืนยันว่า กองทัพไทยได้เปิดการยิงโจมตีกองทัพกัมพูชาก่อน

“กองทัพไทยได้เปิดการยิงโจมตีกองทัพกัมพูชาก่อน กองทัพกัมพูชาได้ใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของตนเอง”

ปราสาทตาเมือนธม

ที่มาของภาพ,Getty Images

คำบรรยายภาพ,ภาพปราสาทตาเมือนธม แนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สุรินทร์ บันทึกเมื่อเดือน มี.ค. 2568

ต่อมา พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก แจ้งว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุนในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์

ขณะเดียวกัน กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร โดยฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิด นอกจากนี้มีการใช้อาวุธจรวด BM21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. ส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันทีเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

“กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย” รองโฆษก ทบ. ระบุ

สภาพชุมชนบริเวณศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลังถูกฝ่ายกัมพูชายิงใส่

ที่มาของภาพ,HANDOUT/กองทัพภาคที่ 2

คำบรรยายภาพ,สภาพชุมชนบริเวณศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลังถูกฝ่ายกัมพูชายิงใส่

เทียบไทม์ไลน์ฝ่ายไทย-กัมพูชา เหตุปะทะใกล้ปราสาทตาเมือนธม

เหตุปะทะใกล้กับบริเวณปราสาทตาเมือนธมที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีการให้ข้อมูลที่ขัดกันระหว่างทางการไทยโดยกองทัพบก และทางการกัมพูชาซึ่งเปิดเผยโดยโฆษกกระทรวงกลาโหม นี่คือลำดับเวลาเปรียบเทียบที่ทั้งสองฝ่ายอ้าง

ข้อมูลจากฝ่ายไทย (กองทัพบก):

  • เวลา 07.35 น. วันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
  • ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้งอาร์พีจีเดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์
  • เวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร

ข้อมูลจากฝ่ายกัมพูชา (แถลงจากโฆษกกลาโหมกัมพูชา):

  • เวลาประมาณ 06.30 น. ทหารไทยเริ่มละเมิดข้อตกลงด้วยการเคลื่อนกำลังเข้าใกล้ปราสาท และล้อมลวดหนามรอบฐานของปราสาทดังกล่าว
  • เวลา 07.04 น. ทหารไทยปล่อยอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนขึ้นสู่ท้องฟ้า
  • เวลา 08.30 น. ทหารไทย “ยิงปืนขึ้นฟ้า”
  • เวลา 08.46 น. ทหารไทยเริ่มยิงใส่ทหารกัมพูชาบริเวณปราสาทตาเมือนธม
  • เวลา 08.47 น. โฆษกกลาโหมกัมพูชาระบุว่า ทหารกัมพูชาไม่มีทางเลือกนอกจากใช้สิทธิในการปกป้องอธิปไตยและดินแดนจึงต่อต้านการบุกรุกของทหารไทยที่ละเมิดต่อดินแดนกัมพูชา

ไทย “ใช้กำลังทางอากาศ” โจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินของกัมพูชา

พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) อนุมัติเครื่องบินเอฟ-16 จำนวน 6 ลำ สนับสนุนกองทัพบกปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดการปะทะตลอดแนวชายแดนเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ตามการยืนยันของรองโฆษกกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เครื่องบินเอฟ-16 ของไทย ได้เริ่มยิงเป้าหมายทางทางทหารภาคพื้นดินในเวลา 10.58 น.

รองโฆษกกองทัพบก ระบุด้วยว่า เป้าหมายภาคพื้นดินที่กองทัพโจมตีคือกองบัญชาการกองพลน้อยสนับสนุนที่ 8 , 9 ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับชายแดนไทย

“[เป็นการ] ใช้กำลังทางอากาศ โจมตีเป้าภาคพื้นดินหมายตามแผน” พ.อ.ริชฌา ระบุเมื่อเวลา 11.27 น.

ทั้งนี้ ตามการให้ข้อมูลของเพจเฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่าบริเวณที่เครื่องบินเอฟ-16 เตรียมตอบโต้ คือใกล้กับพื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง แถลงข่าวสถานการณ์ปะทะที่ชายแดนเมื่อ 12.05 น. ระบุว่า เหตุปะทะที่บริเวณปราสาทตาเมือนธมในช่วงเช้าในเวลา 08.20 น. “ฝ่ายกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่าทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้” จากนั้น สถานการณ์ได้ขยายพื้นที่ออกไปตามแนวชายแดนต่าง ๆ โดยเกิดการปะทะในอีก 6 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาควาย, ช่องบก, เขาพระวิหารบริเวณห้วยตามาเรีย-ภูมะเขือ, ช่องอานม้า และช่องจอม

โฆษก ศบ.ทก. ด้านความมั่นคง เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธหนัก เช่น BM-21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มม. ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนฝ่ายไทย รวมทั้งการสูญเสียชีวิตของประชาชนฝ่ายไทย และนอกจากบ้านเรือนประชาชนได้มีการโจมตีพื้นที่สาธารณะ ได้แก่ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และข่าวล่าสุดก็ได้ทราบมาว่าได้ทำการโจมตีของโรงพยาบาลฝั่งไทยด้วยเช่นกัน

“ฝ่ายไทยได้มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย แต่ก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3คน หนึ่งในจำนวนนั้น เป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ และมีผู้เสียชีวิต 1 คนในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์” พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว

ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเหตุปะทะมีการรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง การเปิดเผยข้อมูลหลักมาจากเพจเฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งรองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าเป็นเพจทางการของหน่วยทหารหน่วยนี้ โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้เปิดเผยข้อมูลการโจมตีในแต่ละจุด ได้แก่

  • 11.54 น. โพสต์ข้อความระบุ กัมพูชาโจมตีโรงพยาบาลกัมพูชาโจมตีโรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ
  • 11.37 น. โพสต์ข้อความระบุ กระเช้าขึ้นภูมะเขือ ของทหารกัมพูชา ถูกทหารไทยทำลาย
  • 11.30 น. โพสต์คลิปเหตุการณ์ร้านสะดวกซื้อภายในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่งเกิดไฟลุกไหม้ โดยระบุว่า กระสุน BM-21 จากฝ่ายกัมพูชา ตกใส่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นักเรียนและประชาชนบาดเจ็บจำนวนมาก

ความเคลื่อนไหวของฝั่งไทย ยังรวมถึงการออกคำแนะนำต่อคนไทยจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อเวลา 10.22 น. แนะนำให้คนไทยที่พำนักหรือพำนักชั่วคราวในประเทศกัมพูชาและไม่มีความจำเป็นเดินทางออกจากประเทศโดยเร็วที่สุด พร้อมขอความร่วมมือคนไทยงดการเดินทางมายังกัมพูชาในช่วงนี้หากไม่มีความจำเป็น

ในโพสต์ดังกล่าว ทางสถานทูตไทยฯ ชี้ว่าสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยกับกัมพูชา “ได้ยกระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง” และ “มีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น”

เวลา 12.30 น. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวกรณีเหตุปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชาบริเวณพื้นที่ชายแดนใน 4 ประเด็น ได้แก่ ประณามการกระทำของกองทัพกัมพูชาที่ละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ, ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต ให้เอกอัครราชทูตของทั้งสองประเทศกลับประเทศตัวเอง, เรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงซ้ำ และเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบ ยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน และยุติการละเมิดอธิปไตยของไทย

อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวนายนิกรเดชเน้นย้ำว่า มาตรการทางการทูตที่ไทยมีต่อกัมพูชายังไม่ถึงขั้น “ตัดความสัมพันธ์ทางการทูต” ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำยาก เพราะหากตัดความสัมพันธ์ไปเลย ก็จะทำให้การเจรจาหาจุดร่วมหรือให้เกิดความสงบเป็นไปได้ยากขึ้น

“การตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นเรื่องยาก เพราะเมื่อตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ช่องทางในการติดต่อ และ de-escalate หรือลดแรงกดดันที่มีอยู่ระหว่างสองฝ่ายจะถูกปิดประตูออกไป หรือทำให้การเจรจาหาจุดร่วม หรือให้มีสงบเกิดขึ้น เป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้นเรายังไม่ไปถึงจุดนั้น” นายนิกรเดช ระบุ

ทบ. สรุปพื้นที่มีคนไทยบาดเจ็บ-เสียชีวิต

เวลา 13.30 น. กองทัพบกสรุปตัวเลขความเสียหายตลอดครึ่งวันเช้า โดยได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่ามีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตใน 4 จังหวัด แบ่งเป็นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 14 ราย ดังนี้

1. พื้นที่บริเวณปั๊ม ปตท. บ้านผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 6 ราย และบาดเจ็บ 10 ราย

2. พื้นที่บ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย (ในจำนวนนี้เป็นเด็กชายอายุ 8 ปี) และบาดเจ็บ 2 ราย

3. พื้นที่บ้านกุดเชียงมุน, บ้านจันลา, บ้านโพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย

4. พื้นที่บ้านขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ส่งผลให้บ้านเรือนและสัตว์เลี้ยงทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

5. พื้นที่หมู่ 16 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบผู้บาดเจ็บ 1 ราย

6. พื้นที่บ้านหนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย

7. พื้นที่บ้านนายบุญล่วม ทองวิเศษ หมู่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย

โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้รับความเสียหายหนักจากอาวุธของฝ่ายกัมพูชา

ที่มาของภาพ,THAI NEWS PIX

คำบรรยายภาพ,โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้รับความเสียหายหนักจากอาวุธของฝ่ายกัมพูชา

ประเมินไม่ได้ว่าการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ต้องใช้เวลากี่วัน

เวลา 17.30 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงสรุปสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเนื้อหาตอนหนึ่งระบุถึงการส่งเครื่องบิน F-16 โจมตีกัมพูชา 2 รอบว่า เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการการใช้อาวุธสนับสนุนระยะไกลโดยใช้อากาศยาน ถือว่ามีความแม่นยำ และไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายที่นอกเหนือจากแผนที่วางไว้ สิ่งที่ใช้เป็นไปตามเหตุผลและความจำเป็น และอยู่ในกรอบการปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหาร

ส่วนการสูญเสียของฝ่ายกัมพูชา ยังไม่ได้รับข้อมูลอย่างเป็นทางการ และยังประเมินไม่ได้ว่าการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ต้องใช้เวลากี่วัน เชื่อว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง แต่ปรารถนาอยากให้จบลงรวดเร็วและสั้นที่สุด

รมช.กลาโหมลั่น “จะไม่อดทนแล้ว”

เหตุปะทะเช้านี้เกิดขึ้นหลังจากไทยลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชา โดยเรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศไทย และส่งทูตกัมพูชากลับประเทศ หลังเย็นวันที่ 23 ก.ค. มีทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนแนวชายแดนของทั้งสองประเทศในพื้นที่ห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

พร้อมกันนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไทยเห็นชอบตามที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เสนอยกระดับการตอบโต้กัมพูชาด้วยการปิดจุดด่านผ่านแดน 4 จุดตามจังหวัดชายแดน ได้แก่ ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู พร้อมปิดปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย โดยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าเด็ดขาด

“ถ้าถึงขั้นนี้ก็คงไม่คุยกันแล้ว” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังได้รับรายงานเหตุปะทะของทหาร 2 ประเทศช่วงเช้าวันนี้ และวิจารณ์ว่า “จากประสบการณ์ผม ทหารกัมพูชาค่อนข้างไม่มีวินัย และยั่วยุ แต่ทางฝ่ายผู้บังคับบัญชาบอกว่ายึดแนวทางสันติ เพราะฉะนั้นผมก็มอง 2 อย่างคือ ถ้าผู้บังคับบัญชาจริงใจ ไม่ดำเนินการสอบสวนความเป็นจริง หรืออีกอย่างคือรัฐบาลไม่จริงใจ”

รมช.กลาโหมกล่าวว่า จากเหตุการณ์เมื่อ 23 ก.ค. ได้หารือกับกองทัพ และตกลงใจมอบอำนาจให้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในการอำนวยการต่อไป ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มาตรา 39

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.20 น. ของวันนี้ ทางฝ่ายไทยได้ไปวางลวดหนาม แล้วฝ่ายกัมพูชาก็ยิงกลับมา

รมช.กลาโหม ขอให้ประชาชนคนไทยมั่นใจว่ากองทัพไทยจะปกป้องอธิปไตย ไม่ให้ใครมาล่วงล้ำดินแดนได้เป็นอันขาด และต้องกราบขออภัยและให้กำลังใจประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบ

“ทางกองทัพไทยอดทนอดกลั้นมาถึงที่สุดแล้ว ต่อไปเราจะไม่อดทนแล้ว เพราะมันเป็นการปฎิบัติของทหารกัมพูชาที่เรารับไม่ได้ ฝากพี่น้องประชาชนให้กำลังใจกำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2” พล.อ.ณัฐพลกล่าว

อย่างไรก็ตาม รมช.กลาโหม บอกว่า จะยังไม่ใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถที่กองทัพบกแจ้งไปเมื่อ 23 ก.ค. “ใช้เมื่อสั่ง แผนนี้ก็ต้องมาพูดคุยกันก่อน แต่วันนี้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะเชิญ ผบ.เหล่าทัพมาหารือ”

ตั้ง ผบ.ทบ. เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์

สำหรับการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มาตรา 39 และดำเนินการตามแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมโดย พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย สรุปใจความสำคัญได้ว่า

พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการทางทหาร

  • ผบ.ทสส. สั่งการให้กองทัพบกใช้แผนจักรพงษ์ภูวนารถ ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก มีผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์
  • ผบ.ทบ. มีอำนาจในการบัญชาการและการใช้กำลังทางบก และร้องขอการสนับสนุนกำลังทางอากาศและทางเรือเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกำลังทางบกตามแผนเผชิญเหตุ
  • การปฏิบัติการทางทหารมี 2 ขั้นคือ ขั้นปกติ ขั้นปฏิบัติการ
  • ปัจจุบันอยู่ในขั้นการปฏิบัติการ โดยใช้อาวุธยิงสนับสนุนของกองทัพภาคที่ 2 และการยิงสนับสนุนทางอากาศจากกองทัพอากาศ โดยมีเป้าหมายคือ ที่ตั้งกองกำลังทหารฝ่ายกัมพูชาเพื่อระงับเหตุการณ์

“ไม่มีการใช้อาวุธต่อเป้าหมายฝ่ายพลเรือนกัมพูชาแต่อย่างใด ทั้งนี้หากไม่สามารถระงับสถานการณ์ความรุนแรงหรือการใช้กำลังของฝ่ายตรงข้าม กองทัพจะพิจารณายกระดับการใช้กำลังสู่ขั้นการป้องกันประเทศในระดับต่อไป” โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทยแถลงเมื่อเวลา 15.30 น.

ภูมิธรรมประณามกัมพูชายิงใส่ไทยไร้เป้าหมาย

วันเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. มหาดไทย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ก่อนแถลงไล่เลียงสถานการณ์ปะทะที่เกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือการยิงของกัมพูชาใช้อาวุธหนัก ยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ยิงเข้ามาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลเรือน ทำให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิต จึงขอประณาม เพราะเป็นการใช้กำลัง ไม่ได้ยึดในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม “สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การประกาศสงคราม เป็นเพียงการปะทะกัน”

รองนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้อำนาจทหารในการใช้มาตรการต่าง ๆ ตามความจำเป็น โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจจะไม่มีเวลามารอขออนุญาตในการตัดสินใจ ก็ขอให้ดำเนินการไปตามขอบเขต และแจ้งให้รัฐบาลทราบโดยเร็ว ขณะเดียวกันพยายามควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ แต่ก็มีความระมัดระวังป้องกันชายแดนอย่างเต็มที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยอพยพคนออกจากพื้นที่ให้ไกลกว่า 50 กม. อยู่ในระยะที่ปลอดภัย ส่วนกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว เช่นเดียวกระทรวงสาธารณสุขที่มีการเปลี่ยน รพ. อำเภอบริเวณชายแดนให้เป็น รพ.สนาม อพยพคนไข้ที่บาดเจ็บทั้งหมดกลับไปสู่แนวหลังอยู่ในจุดที่ปลอดภัย

นายภูมิธรรมปฏิเสธจะให้ข้อมูลความเสียหายของฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่าว่าขอไม่พูดเรื่องยุทธการ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกองทัพได้มีการขีดเส้นหรือไม่ว่าการปฏิบัติการจะยุติเมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า “ให้เหตุการณ์เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และมีข้อยุติที่เพียงพอ”

ทักษิณอ้าง “ฮุนเซนบัญชาการการยิงเข้ามาในเขตไทย”

ด้านความเคลื่อนไหวของ 2 พ่อลูกตระกูลชินวัตร หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงที่ชายแดน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ถูกสั่งพักงาน ออกมายืนยันว่า ฝ่ายกัมพูชาเริ่มยิงก่อน แต่ก็เหมือนเดิมเขาจะพูดว่าฝั่งเรายิงก่อน ซึ่งโลกสมัยนี้มีเครื่องมือมากมาย ส่วนตัวคิดว่าเรื่องเครดิตที่ทั่วโลกจะเชื่อถือกัมพูชาคงลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยชัดเจนแล้วว่าเขาเริ่มที่จะยิงมา

น.ส.แพทองธาร บอกด้วยว่า ได้พูดคุยกับนายภูมิธรรม พล.อ.ณัฐพล และกองทัพ ทราบว่าได้เตรียมความพร้อมแล้วที่จะดูแลประชาชน หากเทียบกับปี 2554 กองทัพไทยมีความพร้อมมากกว่า 2-3 เท่า และต้องขอส่งกำลังใจให้รัฐบาล กองทัพ เจ้าหน้าที่ รวมถึงประชาชน ขอให้ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้โดยเร็วที่สุด ถ้ามีอะไรที่ช่วยได้ก็จะทำให้เต็มที่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง

จากนั้นเธอได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวระบุว่า ขอประณามกัมพูชาต่อการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย ตามข้อเท็จจริงว่าทางฝ่ายกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน และมีการยิงในวิถีไกลเข้าสู่เขตแดนไทย ถือว่าเป็นการละเมิดหลักปฏิบัติสากลตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสิทธิมนุษชนและจริยธรรมอันดีอย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก

น.ส.แพทองธารบอกด้วยว่า ขอสนับสนุนทุกมาตรการตอบโต้ของรัฐบาล กองทัพ และกระทรวงการต่างประเทศภายใต้กรอบของกฎหมาย และหลักการสากล

เช่นเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของนายกฯ สื่อสารผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ระบุว่า วันนี้ฮุนเซนได้บัญชาการการยิงเข้ามาในเขตไทยแต่เช้า โดยเป็นฝ่ายยิงก่อนหลังจากที่วางกับดักระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งถือว่าได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และจริยธรรมของการอยู่ร่วมกันฉันท์เพื่อนบ้านที่ดี จนมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บขาขาดถึง 2 คน รวมถึงประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง

“ไทยเราได้ใช้ความอดทน อดกลั้น เดินตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและการทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่ดีครบถ้วนแล้ว ต่อไปนี้ทหารไทยสามารถตอบโต้ตามแผนยุทธการ และกระทรวงการต่างประเทศสามารถกำหนดมาตรการต่าง ๆ ได้ด้วยความชอบธรรม” นายทักษิณระบุผ่านเอ็กซ์

เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

ที่มาของภาพ,ประชาสัมพันธ์กองทัพบก

คำบรรยายภาพ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

กัมพูชาตอบโต้ว่าอย่างไร

ทางด้านความเคลื่อนไหวของกัมพูชา เช้านี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 08.40 น. รัฐบาลกัมพูชาออกมาประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยในระดับต่ำสุด (ระดับเลขานุการโท) เพื่อตอบโต้กรณีที่ทางการไทยเรียกทูตกลับ และให้ทูตกัมพูชาเดินทางกลับประเทศ

คำสั่งดังกล่าวยังมีผลให้เจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในสถานเอกอัครราชทูตของกัมพูชาประจำประเทศไทย ต้องถอนตัวและเดินทางกลับกัมพูชา โดยห้วงเวลาเดียวกันนี้ยังกำหนดให้นักการทูตของไทยเดินทางออกจากกัมพูชาด้วย

แถลงการณ์สำนักงานคณะรัฐมนตรีของกัมพูชายังกล่าวต่อว่าการประกาศขับไล่นักการทูตไทยเกิดขึ้นหลังรัฐบาลไทยมีมาตรการตอบโต้ทางการทูตต่อกัมพูชา โดยนำเรื่องปมทุ่นระเบิด “มาเป็นข้ออ้าง”

“ข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริงเช่นนี้ของไทย ถูกมองว่าเป็นความพยายามของไทยที่จะโยนความผิดมาให้กัมพูชา เพื่อทำให้การตอบสนองทางการทูตดูไม่สมเหตุสมผล การกระทำนี้แสดงให้เห็นถึงการขาดเจตจำนงที่ดีในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา และเลือกที่จะเผชิญหน้ากัน” แถลงการณ์ ระบุ

พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา

ที่มาของภาพ,Press OCM

คำบรรยายภาพ,พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา

เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. เพจเฟซบุ๊กของสำนักโฆษกสำนักคณะรัฐมนตรีกัมพูชา (Office of the Council of ministers) เผยแพร่แถลงการณ์ของ พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา มีเนื้อความระบุว่า ได้เกิดการปะทะด้วยการยิงระหว่างกองทัพไทยและกัมพูชา บริเวณแนวชายแดนในพื้นที่ จ.อุดรมีชัย (Oddar Meanchey) ของกัมพูชา โดยยืนยันว่า กองทัพไทยได้เปิดการยิงโจมตีกองทัพกัมพูชาก่อน

“กองทัพไทยได้เปิดการยิงโจมตีกองทัพกัมพูชาก่อน กองทัพกัมพูชาได้ใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของตนเองในการต่อต้านการคุกคามจากกองทัพไทยที่ละเมิดบูรณภาพดินแดนของกัมพูชา” แถลงการณ์ระบุ

ต่อมาหลังจากกองทัพไทยระบุถึงปฏิบัติการใช้เครื่องบินเอฟ-16 โจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินของกัมพูชา กระทรวงกลาโหมของกัมพูชาระบุว่า เครื่องบินรบได้ทิ้งระเบิดสองลูกลงบนถนน และระบุว่า “ขอประณามการรุกรานทางทหารที่ประมาทและโหดร้ายของราชอาณาจักรไทยต่ออธิปไตยและความสมบูรณ์ของดินแดนของกัมพูชา”

นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ยังออกมาประณามไทยอย่างรุนแรง

“ขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต่อการกระทำที่ไม่ยั้งคิดและมุ่งร้ายของไทย”

กัมพูชากล่าวว่า ทหารไทย “ได้เปิดการโจมตีโดยไม่มีการยั่วยุ [จากฝ่ายกัมพูชา] เป็นการโจมตีที่มีการวางแผนล่วงหน้าและจงใจต่อตำแหน่งของกัมพูชาตามพื้นที่ชายแดน” เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี

“การรุกรานทางทหารที่ไม่มีการยั่วยุก่อนเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสันติภาพและความมั่นคงตามชายแดนที่เราร่วมกันเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงการไม่เคารพในบรรทัดฐานทางภูมิภาคและภาระผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศ” แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าว พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศไทยยุติการทำสงครามใด ๆ และหลีกเลี่ยงการยั่วยุเพิ่มเติม

นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยังส่งจดหมายถึงนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด ประธานคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เพื่อขอให้สหประชาชาติเปิดประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดย “เร่งด่วน” เพื่อยับยั้งการปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา

“พิจารณาจากการรุกรานที่ร้ายแรงโดยประเทศไทย ซึ่งได้คุกคามอย่างรุนแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ข้าพเจ้าขอเรียกร้องให้ท่านจัดประชุมเร่งด่วนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อหยุดการรุกรานของประเทศไทย” เนื้อความในจดหมายจากนายกฯ กัมพูชาระบุ

ทหารกัมพูชาบรรจุกระสุนปืนกล BM-21 ใหม่ใน จ.พระวิหาร เมื่อ 24 ก.ค. 2568

ที่มาของภาพ,STR/AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ,ทหารกัมพูชาบรรจุกระสุนปืนกล BM-21 ใหม่ใน จ.พระวิหาร เมื่อ 24 ก.ค.

คนไทยชายแดนเร่งอพยพ

สุเทียน ผิวจันทร์ ชายวัย 49 ปี ซึ่งอยู่ที่บ้านด่านกลาง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า ผู้คนในพื้นที่เริ่มอพยพแล้ว รวมถึงครอบครัวของเขาด้วย ซึ่งเขากำลังพาครอบครัวอพยพไปที่ศูนย์อพยพ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

“หนักเลยครับ กำลังอพยพอยู่” สุเทียน กล่าว “ใส่กันตรงนั้นเลย ใส่กันตรงนั้น [ใกล้ชายแดนที่มีคน] ตอนนี้เด็ก ๆ ที่โรงเรียน ทุกคนกลัวกันมาก”

เมื่อถูกถามว่าเหตุการณ์นี้แย่กว่าครั้งก่อนหรือไม่ เขาตอบว่า “รอบนี้หนักไหม หนักครับ เพราะว่าไม่ได้ออกมาแค่ปืนเล็ก เอาของใหญ่มาเลย”

สรุปสถานการณ์และความเสียหายฝ่ายไทย-กัมพูชา 24 ก.ค.

ไทย

กองทัพบกไทยเปิดปฏิบัติการที่ชื่อว่า “ยุทธบดินทร์” ทั้งทางบกและอากาศตอบโต้กัมพูชา โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้เปิดเผยผลการปฏิบัติการในพื้นที่ 10 จุด ณ เวลา 15.00 น. ดังนี้

  • ช่องบก จ.อุบลราชธานี – ทหารทั้ง 2 ฝ่ายตรึงกำลัง
  • ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี – เครื่องบินเอฟ-16 ทิ้งระเบิดที่ตั้งกำลังพลกัมพูชา
  • พื้นที่ซำแต จ.ศรีสะเกษ – ใช้รถถังโจมตีเพื่อยึดพื้นที่
  • จุดตรวจการณ์ภูผี ตรงข้ามปราสาทโดนตวล จ.ศรีสะเกษ ใช้เครื่องบินเอฟ-16 บริเวณช่องตาเฒ่า
  • จุดตรวจการณ์เขาสัตตโสม จ.ศรีสะเกษ ทำลายรถถังกัมพูชา 2 คัน
  • เขาพระวิหาร วัดแก้วฯ จ.ศรีสะเกษ ใช้รถถังระดมยิง-ส่งทหารราบเข้ายึด
  • ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ทำลายกระเช้าส่งกำลังได้บางส่วน
  • ช่องจอม จ.สุรินทร์ ทหาร 2 ฝ่ายปะทะกัน
  • พื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ กัมพูชาวางกำลัง ฝ่ายไทยเข้าโจมตีระลอก 2
  • พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ไทยวางกำลัง กัมพูชาพยายามเข้าโจมตี

พื้นที่ผลกระทบต่อพลเรือน: 4 จังหวัด 6 อำเภอที่ชายแดน ได้แก่ จ.สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และบุรีรัมย์

ตัวเลขผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต: พลเรือนเสียชีวิต 11 ราย ทหารเสียชีวิต 1 นาย ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นพลเรือนและทหารรวมอย่างน้อย 31 ราย ตามการเปิดเผยของ รมว.สาธารณสุข

พลเรือนที่ต้องอพยพ: ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา แต่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกรัฐบาลในฐานะ ศบ.ทก. ระบุว่า ณ เวลา 14.00 น. หลายอำเภอในจังหวัดชายแดนราษฎรรอพยพแล้วตั้งแต่ 30-100%

ชาวบ้านใน จ.สุรินทร์ ต้องย้ายมาพักพิงในศูนย์อพยพในระหว่างที่เหตุความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่แน่นอน เมื่อ 24 ก.ค. 2568

ที่มาของภาพ,Reuters

คำบรรยายภาพ,ชาวบ้านใน จ.สุรินทร์ ต้องย้ายมาพักพิงในศูนย์อพยพในระหว่างที่เหตุความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังไม่แน่นอน เมื่อ 24 ก.ค. 2568

กัมพูชา

พื้นที่สู้รบ: 2 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จ.อุดรมีชัย และ จ.พระวิหาร โดยนายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา เปิดเผยว่าทหารไทยเปิดการโจมตีต่อกัมพูชาที่ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ซึ่งกัมพูชาถือว่าอยู่ในพื้นที่ จ.อุดรมีชัย

ขณะที่สมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกฯ กัมพูชา โพสต์บนเฟซบุ๊กวันนี้ (24 ก.ค.) ว่าขอให้ประชาชนทุกภาคส่วนและทุกพื้นที่ดำเนินกิจกรรมตามปกติ ยกเว้นพื้นที่ชายแดนใน จ.อุดรมีชัย และ จ.พระวิหาร “ซึ่งเป็นบริเวณที่ยังคงมีการยิงปืนใหญ่โจมตีอย่างต่อเนื่องโดยกองทัพไทยที่รุกราน”

สำนักข่าวเอพีและรอยเตอร์รายงานตรงกันว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชาอ้างว่าเครื่องบินเอฟ-16 ที่ไทยส่งมาโจมตีได้ทิ้งระเบิดจำนวน 2 ลูกลงบนถนนสายหนึ่งใกล้กับปราสาทพระวิหาร

ตัวเลขผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต: จากการตรวจสอบข้อมูลของเพจทางการกัมพูชา สื่อกัมพูชา และสื่อต่างประเทศอย่างสำนักข่าวเอพีไม่พบว่ามีการเปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

พลเรือนที่ต้องอพยพ: พนมเปญโพสต์ รายงานว่าชาวกัมพูชาใน จ.อุดรมีชัย ซึ่งอยู่ชายแดนติดกับประเทศไทยประมาณ 5,000 คน ถูกอพยพไปยังพื้นที่่ปลอดภัยในระหว่างที่การปะทะที่ชายแดนยังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง

ที่มาของแหล่งข่าว https://www.bbc.com/thai/articles/c3r9g55n9ldo

Loading

Total Views: 1240 ,